เรื่อง “น้ำตาแห่งความหวัง
มีเรื่องเล่าอยู่ว่า ณ หมู่บ้านเล็กๆ ริมทุ่งนา มีหญิงสาวชื่อ “ดาด้า” ที่ต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบาก ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยภาระหนักอึ้ง ทั้งหนี้สินที่ก่อตัวจากการเจ็บป่วยของพ่อ การดูแลแม่ที่ป่วยเรื้อรังและความยากจนที่กัดกินจิตใจเธอ ดาด้าพยายาม อย่างสุดความสามารถที่จะหาเลี้ยงครอบครัว แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามเท่าไหร่ ปัญหาก็ยิ่งทวีคูณวันแล้ววันเลา ดาด้าต้องแบกความกังวลใจและความเหนื่อยล้า เธอรู้สึกเหมือนกำลังจมอยู่ใต้น้ำหนักของปัญหาที่ถาโถมเข้ามา ไม่มีใครให้เธอพึ่งพาได้นอกจากตัวเอง ความหวังริบหรี่ลงทุกที จนกระทั่งวันหนึ่งดาด้าตัดสินใจไปโบสถ์เพื่อขอพรจากพระเจ้า เธอร้องไห้จนหมดน้ำตา ขอให้พระเจ้าช่วยเหลือเธอให้พ้นจากความทุกข์ ขณะที่ดาด้าคุกเข่าลงและอธิษฐาน พระองค์ทรงกระซิบในใจของเธอว่า “จงมอบภาระของท่านไว้กับเรา เราจะทรงค้ำจุนท่าน” คำพูดเหล่านั้น ราวกับเป็นแสงสว่างที่ส่องเข้ามาในความมืดมิด ดาด้าเริ่มรู้สึกถึงความสงบภายในใจ เธอตระหนักได้ว่าตนเองไม่ได้อยู่คนเดียว พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเธอเสมอ หลังจากวันนั้น ดาด้าพยายามที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อชีวิต เธอเริ่มต้นทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น และขอบคุณในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แม้ว่าปัญหาจะยังคงอยู่ แต่ดาด้าก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น เธอพบว่าเมื่อเราแบ่งปันความทุกข์ให้กับผู้อื่น และมอบความไว้วางใจในพระเจ้า ปัญหาที่ดูเหมือนจะใหญ่โต ก็จะเล็กลงไปเอง
เพื่อนๆคะ ชีวิตของดาด้า เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า แม้เราจะเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบากเพียงใด แต่เราก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยความเชื่อและความหวัง พระคำของพระเจ้าที่ว่า “จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้า และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน” (สดุดี 55:22) เป็นคำสัญญาที่ให้กำลังใจเราทุกคน เมื่อเราถึงที่สุดแล้ว เราทุกคนล้วนต้องการที่พึ่งที่มั่น และพระองค์คือที่พึ่งที่มั่นที่แท้จริงคะ
ข้อคิดในวันนี้ คือ
1.อย่าแบกทุกอย่างไว้คนเดียว: เพราะพระองค์พร้อมจะช่วยเหลือเราเสมอ
2.เชื่อมั่นในพระองค์: เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าทุกปัญหา
3.ขอบคุณในสิ่งที่มี: เพราะจะช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น และมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
ในวันนี้รายการจบลงแล้ว แล้วกลับมาพบกันใหม่ ขอให้พระเจ้าอวยพระพรทุกคนนะคะ